เทศกาลชอปปิงหลังวันขอบคุณพระเจ้าที่ตรงกับในวันพฤหัสบดี 28 พฤศจิกายนหรือที่เรียกว่า “Black Friday” ที่ถือว่า เป็นจุดเริ่มต้นเทศกาลเลือกซื้อของขวัญวันคริสมาส ที่คนอเมริกันหลายล้านคนแห่กันไปรอคิวเพื่อจะได้ของราคาถูกนั้นดูหมือนจะมีความสำคัญน้อยลงไปทุกปี ตามปฎิบัติแล้วเทศกาล “Black Friday” หรือลดราคาสินค้าถล่มทลายนั้นจะจัดขึ้นในวันถัดไปจากเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้าหรือ Thanksgiving ในวันพฤหัสบดีซึ่งถือว่าเป็นวันครอบครัวของชาวอเมริกัน โดยปีนี้มีเพียง 26 วันที่จะได้ชอปปิงสำหรับคริสมาสเท่านั้นเพราะวันขอบคุณพระเจ้าที่ตรงกับในวันพฤหัสบดี 28 พฤศจิกายน ในปีนี้ มันมีความสำคัญที่เปลี่ยนไปตั้งแต่มีระยะเวลาที่สั้นลงจำนวน 6 วันหลังจากเสร็จจากการซื้อไก่งวงซึ่งห้างร้านนั้นกลัวว่าจะขายได้น้อยลง และนั่นหมายถึงยอดขายที่ลดลงไป 10% ซึ่งนั่นสำคัญมาก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่บรรดาธุรกิจต้องขบคิดว่าต้องทำอย่างไรดี และเป็นเหตุผลทำไมว่าในปีนี้ ห้างใหญ่ๆในสหรัฐฯจึงเปิดการขายขึ้นในวันพฤหัสบดีซึ่งเป็นวันขอบคุณพระเจ้าแทน และเริ่มเรียกว่า “Brown Thursday” เช่น Walmart ประกาศปรัลลดราคาทีวีจอแบน คอมพิวเตอร์ แทบเล็ต และสินค้าต่างๆอีกกว่า 300 รายการทางออนไลน์ ลงอีกถึง1 ใน 3 จนถึงครึ่งนึงของราคาขายปกติหลายสัปดาห์ก่อนหน้าวัน Black Friday ซึ่งเป้าหมายเพื่อให้กลุ่มลูกค้าชาวอเมริกันนั้นจับจ่ายก่อนหน้าที่จะถึงวันที่ 29 พฤศจิกายน และนอกจากนี้ K-Mart ได้ประกาศที่จะเปิดให้ลูกค้าชาวอเมริกันได้ซื้อของเริ่มตั้งแต่เช้าตรู่วันขอบคุณพระเจ้าโดยเริ่มเปิดประตูให้ชอปได้ตั้งแต่เวลา 6.00น.ในวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน จนกระทั่งถึงวันที่ 29 พฤศจิกายน ในเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็นเวลายาวนานกว่า 41 ชม. ในการเลือกซื้อสินค้าลดราคาอย่างจุใจปัจุบันการเลือกซื้อทางออนไลน์เป็นอีกทางเลือกที่ชาวอเมริกันนิยมใช้มากกว่าจะต้องเดินทางไปที่ร้านด้วยตนเอง ซึ่งแต่ละร้านนั้นอยู่ห่างไกลและต้องเสียทั้งเวลา รวมไปถึงค่าน้ำมัน และอื่นๆอีกโดยเฉพาะในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ โดยชาวอเมริกันส่วนใหญ่มีแผนจะใช้เงินน้อยลงในการชอปปิงวันBlack Friday “เราจับจ่ายตลอดเวลาอยู่แล้ว ดังนั้น“Black Friday”จึงถือว่าไม่สำคัญสักเท่าไร” โดยในสุดสัปดาห์วันBlack Fridayในปี 2012 สามารถทำรายได้รวมอยู่ที่ 59 พันล้านดอลลาร์ต้องคอยดูว่าปีนี้จะมีคนซื้อของใน วัน Black Friday มากแค่ไหน